บ่อยครั้งที่เวทมนตร์คาถาต่างๆมักจะถูกแสดงออกในรูปของ “อักขระ” ไม่
ว่าจะเป็นการสักยันต์ หรือการปลุกเสกต่างๆก็มักจะมี “อักขระ”
เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่นอกจากอักขระขอมที่มักจะใช้ในการลงยันต์แล้วนั้น
ก็ยังมีอักขระอีกไม่น้อยที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำนายและเวทมนตร์คาถา
โดยตรง
โดยในวันนี้เราจะนำท่านไปรู้จักกับหนึ่งในอักขระที่ว่ามานี้ก็คือ อักษร “รูน” (Rune) ซึ่งเป็นอักขระแห่งดินแดนยุโรปโบราณครับ
ใน
ปัจจุบันมีอาจารย์
และนักพยากรณ์หลายท่านที่ใช้อักษรรูนเป็นตัวช่วยในการทำนายและคาดเดาถึง
เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
นอกจากนั้นอักษรรูนยังสามารถบอกถึงการวิเคราะห์และหาผลลัพธ์ในสิ่งที่จะเกิด
ขึ้นได้อีกด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำนายหรือเสี่ยงทายด้วยอักษรรูนจะมีความแม่นยำมากน้อย
เพียงใดก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในอักษรรูนของผู้ทำนายเป็นสำคัญครับ
ตำนาน ของ
อักษรรูนเองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ถ้าว่ากันตามตำนานเทพนิยายแถบสแกนดิเนเวียน
ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอักษรรูนแล้ว ต้องกล่าวว่าผู้ที่ประดิษฐ์อักขระชนิดนี้
ขึ้นมาให้มนุษย์ได้ใช้ก็คือ เทพเจ้าแห่งสงคราม บทกวีความ
รู้และความฉลาดผู้มีนามว่า โอดิน (Odin)
ตำนานเล่าว่าเทพโอดินได้ห้อยหัวเป็นค้างคาวอยู่บนต้นไม้ ที่เรียกว่า
“อิกดราซิล” (Yggdrasil) เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน
(บ้างก็ว่าท่านห้อยหัวให้โลหิตไหลลงศีรษะเพื่อเป็นการทรมานร่างกาย)
จนท่านได้เกิดญาณพิเศษ รับรู้เรื่องราวต่างๆมากมาย
ความรู้มหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ตัวท่าน ภายในเวลา 9
คืนนั้นท่านได้ล่วงรู้ถึงความลับทั้งหมดทั้งมวลบนโลกใบนี้
แต่สิ่งที่ท่านเองได้ตระหนักถึงก็คือ ท่านคงจะหมดลมหายใจในไม่ช้า
แล้วความรู้มหาศาลที่ท่านได้รับรู้มาเล่า มันก็ต้องหายไปหมดด้วยน่ะสิ
หินสลักอักษรรูน.
ไหนๆ
ก็ต้องทนทรมานเจ็บปวดร่างกายมาตั้ง 9 วัน 9 คืนแล้ว
จะให้ความรู้และสรรพวิชาที่ได้รับมาต้องสูญเปล่าก็ใช่ที่
ก็เลยคิดจะแบ่งปันความรู้เหล่านั้นให้มนุษย์โลกได้เรียนรู้กันด้วย
เทพโอดินจึงได้ทำการประดิษฐ์อักษรรูนขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายความรู้ที่ท่านได้
รับมาใน 9 คืนอันแสนทรมานให้กับมนุษย์โลก ดังนั้น ถ้าอ้างอิงตาม ตำนานนี้
อักษรรูนจึงเป็นอักขระที่ได้มาจาก “ความ ตาย” ของมหา เทพโอดิน
อักขระชนิดนี้จึงมีความพิเศษในด้านของเวทมนตร์คาถาและสรรพความรู้โบราณ
เป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์แห่งสแกนดิเนเวียน ที่ใช้สำหรับปลุก
เสกคาถาและร่ายคำสาปในไสยเวทต่างๆ
โดยเฉพาะการร่ายคาถาลงบนอาวุธเพื่อให้สังหารศัตรูได้อย่างแม่นยำ
จะ
เห็นได้ว่าเวทมนตร์ที่แฝงอยู่ในอักษรรูนนั้น
ศักดิ์สิทธิ์และทรงพลังเป็นอย่างมาก
มากถึงขั้นที่โรงเรียนฮอกวอตส์ในวรรณกรรม เยาวชนอย่างพ่อมดแฮร์รี่ พอตเตอร์
ต้องเปิดสอนวิชา การศึกษาอักษรรูนโบราณกันเลยที เดียวล่ะครับ!! (เจ.เค.
โรว์ลิ่ง เธอใส่ ใจในทุกราย ละเอียดจริงๆครับ)
หินสลักเนื้อหาอักษรรูนที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา.
แต่
ถึงอย่างนั้น ที่กล่าวไปข้างต้นทั้งหมดก็เป็นอักษรรูนในมุมมองของ
“นักพยากรณ์” ที่อ้างความศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานของมหาเทพโอดินเท่านั้น
แล้วถ้าในมุมมองของนักวิชาการด้านอักขระโบราณบ้างล่ะ
เขามองอักษรรูนกันอย่างไร
อักษรรูน คาดว่าพัฒนามาจากอักษรโรมัน
ซึ่งเป็นต้นแบบของภาษาอังกฤษในปัจจุบัน
แต่ก็ยังไม่มีนักวิชาการท่านใดสามารถฟันธงประเด็นนี้ลงไปอย่างชัดเจนได้
ที่พอจะทราบก็คือหลักฐานทางโบราณคดีที่จารึกด้วยอักษรรูนนั้น
ปรากฏในหลายชนเผ่าแถบยุโรป ไม่ว่าจะเป็นชาวกอธ (Goth) เผ่าเจอร์มานิค
(Germanic) ชาวเดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ อังกฤษ และเยอรมัน
ซึ่งเป็นไปได้ว่าอักษรรูนนั้นเฟื่องฟูในยุโรปตอนเหนือตั้งแต่ยุคก่อนการ
เข้าไปของศาสนาคริสต์เสียด้วยซ้ำครับ ทำให้นักวิชาการส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า
คำว่า “รูน” ซึ่งเป็นชื่อเรียกอักษรแห่งเวทมนตร์โบราณนั้น น่าจะมาจากคำว่า
“raunen” ซึ่งเป็นภาษาเยอรมันแปลว่า “กระซิบ” (Whisper)
ซึ่งก็บอกเป็นนัยถึงความศักดิ์สิทธิ์ของอักษรรูนได้ไม่น้อยเลยครับ
หินสลักอักษรรูนและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์.
นอก
จาก นั้น นักวิชาการยังค้นพบแผ่นหิน แผ่นไม้
และแผ่นโลหะที่จารึกด้วยอักษรรูนกว่า 5,000 ชิ้น กระจายตัวทั่วยุโรป
นั่นย่อมหมายความว่า ชนเผ่าแห่งยุโรปตอนเหนือนั้น
ก็เป็นผู้ที่อ่านออกเขียนได้และมีตัวอักษรใช้เช่นกันมาเนิ่นนานแล้ว
แน่ นอน ว่า
ในตำนาน
เราอาจจะบอกได้ว่ามหาเทพโอดินเป็นผู้ประดิษฐ์อักษรรูนขึ้นมาจากความตายของ
ตัวเอง แต่ถ้ามองในมุมของประวัติศาสตร์ล่ะ ใครเป็นผู้คิดค้นอักษรรูนขึ้นมา
คำตอบก็คงจะไม่แตกต่างจากเรื่องลึกลับทั่วโลกนั่นแหละครับว่ายังไม่มีนัก
วิชาการท่านใดสามารถตอบได้ บ้างก็บอกว่าอาจจะเป็นพวกกอธ
หรือไม่ก็เป็นชนเผ่าบริเวณหุบเขาในสวิตเซอร์แลนด์ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
สิ่งหนึ่งที่นักวิชาการหลายท่านคิดเห็นตรงกันก็คือ
อักษรโรมันต้องส่งอิทธิพลบางอย่างให้กับอักษรรูนด้วยเป็นแน่
อักษรรูนบางตัวคล้ายกับอักษรโรมันและภาษาอังกฤษ เช่น r i b f h s และ t.
อักษร
รูน ประกอบไปด้วยอักขระ 24 ตัว เป็นพยัญชนะ 18 ตัว และสระ 6 ตัว
บางครั้งนักวิชาการก็เรียกขานอักษรรูนว่า อักขระ “ฟูทาร์ค” (Futhark)
ซึ่งมาจากอักษร 6 ตัวแรกของอักษรรูน (f u th ark)
ก็คล้ายๆกับที่เราเรียกระบบตัวอักษรว่า “Alphabet” ก็ด้วยว่ามาจากอักษร 2
ตัวแรกในภาษากรีก ซึ่งก็คือ Alpha และ Betaนั่นเอง
ทิศทางการอ่าน
อักษรรูนสามารถอ่านได้ทั้งจากซ้ายไปขวา และขวาไปซ้าย
แต่ส่วนมากจะพบว่าเขียนจากซ้ายไปขวาเสียมากกว่าครับ
และที่นักวิชาการส่วนใหญ่มีความเห็นที่ลงรอยกันว่า
อักษรรูนได้รับอิทธิพลจากอักษรโรมัน
ก็เพราะว่ามีอักขระบางตัวที่คล้ายคลึงกับอักษรโรมันด้วย เช่น ตัว ri b f h s
และ t ซึ่งอักขระบางตัวก็อยู่ในลักษณะกลับหัว เช่น u และ l
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอักษรอีกหลายตัวครับที่ไม่คล้ายคลึงกับอักษรโรมัน
เช่น g w j และ p จึงทำให้ไม่สามารถสรุปได้ว่า อักษร
รูนนี้มีความสัมพันธ์กับอักษรโรมันในด้านใดบ้าง
อักษรรูนแพร่หลายทั่วตอนเหนือของยุโรป
ดัง นั้น ในทุกวันนี้ ถ้ามองอักษรรูนจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านอักขระโบราณแล้วก็ต้องบอกว่า รูนเป็นหนึ่งในอักขระที่ยังถอดความไม่ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเราจะสามารถเข้าใจได้ว่าอักษรรูนแต่ละตัวนั้นแทนเสียงอะไร และอ่านอย่างไร แต่เราก็ยังไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ถ่องแท้ที่ภาษาโบราณแห่งสแกนดิเน เวียนนี้ กำลังบอกพวกเราได้เลย นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า อักษรรูนนั้นก็ไม่ต่างจากอักขระอีทรัสคัน ที่สามารถอ่านออกเสียงได้ เพราะอักขระอีทรัสคันนั้น ใช้อักษรกรีก แต่เราไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ภาษาต้องการสื่อกับพวกเราได้มากเท่าใดนัก อักษรรูนก็เช่นกัน ความหมายที่ถอดความออกมาได้โดยนักวิชา การผู้เชี่ยว ชาญนั้นก็ยังคลุมเครืออยู่ไม่น้อย เนื่องด้วยเรายังขาดความรู้ทางด้านภาษาเจอร์มานิคยุคแรกอยู่มากพอสมควรเลยที เดียว
ดังนั้น การตี ความและเข้าใจความหมายของอักษรรูนในปัจจุบันนั้น ก็เป็นเพียงแค่การศึกษา ตีความและคาดเดาความหมายจากหลัก ฐานเพียงน้อยนิดที่ยังคลุมเครืออยู่เท่านั้น ดังที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรรูนได้กล่าวเอาไว้ว่า “จารึกอักษรรูนทุกชิ้นที่ค้นพบสามารถสื่อความหมายได้มากเกินกว่าที่นักวิชา การได้เคยตีความเอาไว้”
ตามตำนานมหาเทพโอดินเป็นผู้ประดิษฐ์อักษรรูน.
คิด แล้วก็น่าแปลกนะครับที่อักขระแห่งเวทมนตร์ โบราณซึ่งใช้ในการทำนายและพยากรณ์กันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน กลับเป็นเพียงตัวเขียนที่ยังถอดความไม่ได้อย่างสมบูรณ์ในมุมมองของนัก วิชาการด้านภาษาโบราณ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้ และการพยากรณ์ด้วยอักขระที่แลกมาด้วยชีวิตของมหาเทพโอดินอย่างอักษรรูนก็อาจ จะเป็นอีกหนึ่งความลึกลับแห่งโลกโบราณที่ยากที่จะเข้าใจด้วยหลักของเหตุและ ผลก็เป็นได้นะครับ.
วิธีการสร้างรูน
อุปกรณ์ที่นิยมนำมาสร้างรูนเพื่อการทำนายพยากรณ์นั้น ได้แก่ ก้อนหินแบนๆทรงกลม ไม้ เศษไม้ กิ่งไม้ กระดาษที่ทำเป็นไพ่ หรือจะเป็นลูกแก้ว ลูกปัด เหรียญ
ทำด้วยก้อนหิน หินที่เหมาะจะทำรูนจะอยู่ตามชายหาดและริมลำธาร ซึ่งมีรูปร่างกลมมน หินทุกก้อนมีวิญญาณอยู่ภายในซึ่งจำเป็นต้องได้รับความเคารพ ดังนั้นหากจะให้มันทำงานให้คุณ คุณต้องจัดเครื่องบูชาก่อนที่จะนำของจากธรรมชาติไปใช้ เครื่องบูชาตามธรรมเนียมจะใช้เกลือทะเล เนื่องจากเป็นที่เชื่อกันว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดจากพื้นฐานธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เครื่องบูชาอย่างอื่นได้แก่ยาสูบและข้าวโพด โดยเมื่อคุณได้หินที่ต้องการแล้วระบายเขียนตัวอักษรรูน แล้วเคลือบเงาเพื่อให้อยู่ทนทาน
ทำด้วยไม้ ให้ขออนุญาตต้นไม้หรือกิ่งไม้ด้วยการวางมือทั้งสองและอธิษฐานสั้นๆ จากนั้นโรยเกลือทะเลเป็นเครื่องบูชาก่อนจะตัดกิ่งออกมา ใช้เลื่อยตัดท่อนไม้เป็นชิ้นเล็กๆตามจำนวนอักษรรูนที่จะทำ ใช้เหล็กแหลมหรือเครื่องจี้ไฟ หรือใช้สีเขียนอักษรรูนในไม้แต่ละอันจากนั้นนำไปเคลือบรักษาเนื้อไม้
การชำระรูน
มีวิธีที่จะทำได้หลายวิธีคือ วางอักษรรูนให้อาบแสงจันทร์ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงเป็นเวลาหนึ่งคืน หรือใช้ควันสมุนไพรอบ วิธีชำระที่ง่ายที่สุดคือใช้น้ำจากธรรมชาติมาชำระล้าง อย่าใช้น้ำประปา เมื่อคุณสรางรูนเสร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้ทำนายให้คนอื่นมามากแล้ว คุณจะต้องทำการชำระล้างเป็นประจำ นอกจากนั้นคุณต้องทำพิธีเพิ่มพลังให้มันเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ถ้าคุณเก็บอักษรรูนไว้นานคุณจำเป็นต้องเพิ่มพลังให้มันใหม่
การเพิ่มพลังให้รูน
1.วางรูนบนผ้ารองใช้เกลือทะเลโรยเพื่อเพิ่มพลังธาตุดิน
2.หยิบรูนแต่ละตัวผ่านควันธูปเพื่อเพิ่มพลังธาตุลม
3.หยิบรูนแต่ละตัวผ่านเปลวไฟจากเทียนเพื่อเพิ่มพลังธาตุไฟ
4.ใช้น้ำจากธรรมชาติประพรมบนรูนเพื่อเพิ่มพลังธาตุน้ำ
การเก็บรักษารูน
ให้ใส่อุปกรณ์ทำนายรูนไว้ในถุงผ้า และควรมีผ้าปูรองหนึ่งผืนเพื่อใช้วางรูนในการทำนาย
วิธีการทำนายรูน
อธิษฐานคำถามให้ชัดเจนแล้วหยิบรูนจากถุงผ้า หรือ วางรูนทั้งหมดคว่ำหน้าบนผ้าปูรองแล้วหยิบ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น